Update Business News

Update Business News

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ วางเป้าใหญ่ปี 68 เน้นย้ำองค์กร นวัตกรรมแห่งความยั่งยืน เติบโตควบคู่ธุรกิจ ชู Big Goal ให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากยิ่งขึ้น

บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ มุ่งมั่นสู่ความเป็นองค์กรด้านนวัตกรรมแห่งความยั่งยืนเติบโตควบคู่ธุรกิจ วางเป้าหมายใหญ่ปี 2568 ภายใต้แนวคิด "Beyond Insurance มากกว่าการประกันภัย" ชู Big Goal ให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าเติบโตถึง 2 หลัก โดยมีเป้าหมายรายได้ของปี 2568 นี้ที่ 8,500 ล้านบาท พร้อมนำหลัก ESG ผสานการดำเนินธุรกิจอย่างครอบคลุม ด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการดำเนินงานด้านสังคม เยาวชนและการศึกษา สิ่งแวดล้อม พร้อมผนึกองค์กรพันธมิตรเดินหน้าขับเคลื่อนและยกระดับการทำงาน ล่าสุดจัดงาน Road to Sustainability ชูองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนในทุกมิติ

นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้าน InsurTech ของไทย กล่าวว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบ ESG ที่คำนึงถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคมและชุมชน (Social) รวมถึง ธรรมาภิบาลที่ดี (Governance) โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมประกันภัยเพื่อความยั่งยืนเป็นหัวใจหลัก ภายใต้แนวคิด "Beyond Insurance มากกว่าการประกันภัย" ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการด้านการประกันภัยใหม่ ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคไปพร้อมกับการสร้างสรรค์สังคมที่ดีกว่า

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2568 ตั้งเป้าหมายใหญ่เพื่อผลักดันให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยมากยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อว่าการประกันภัยไม่ใช่แค่เรื่องของความคุ้มครอง แต่เป็นพื้นฐานของการวางแผนอนาคตที่ดี ไทยวิวัฒน์จึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยให้คนไทยเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายขึ้น จ่ายเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละไลฟ์สไตล์ พร้อมสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมควบคู่กันไป ด้วยการยกระดับการพัฒนานวัตกรรมประกันภัย ทั้งกลุ่ม Motor และ Non – Motor ในรูปแบบของ Digital Product ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่าน และ Digital Service ที่เพิ่มศักยภาพในการให้บริการโดยไม่เพิ่มต้นทุน ควบคู่ไปกับขยายความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงการประกันภัยที่สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าผลักดันเบี้ยรับรวมโตทะลุ 8,500 ล้านบาท

ด้าน นายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวต่อว่า “นอกเหนือจากการมุ่งพัฒนานวัตกรรม เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค สร้างความสะดวกในการที่จะทำให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยได้มากยิ่งขึ้น และการบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกันอย่างไร้รอยต่อ บริษัทฯยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสังคมที่ยั่งยืนโดยเน้นส่งเสริมใน 3 ด้านดังนี้”

ด้านสังคม– ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการประกันภัย พร้อมเพิ่มช่องทางการขายเพื่อให้คนไทยเข้าถึงการประกันภัยได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ที่โดนเด่นและยังไม่มีบริษัทประกันวินาศภัยใด ๆ ในประเทศสามารถนำเสนอต่อคนไทยได้คือ การประกันรถเปิดปิด นวัตกรรมประกันภัยรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้เอาประกันภัย ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถประหยัดค่าเบี้ยประกันได้สูงสุดถึง 80% และยังให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้ในราคาที่สมเหตุสมผล นอกจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจผู้บริโภคแล้ว ล่าสุดทางบริษัทได้พัฒนาเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการประกันรถเปิดปิด คือ “รถติด ไม่คิดเบี้ย” ตอบโจทย์คนเมืองใช้รถ โดยขณะรถติดก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ซึ่งหลังจากมีการเปิดตัวได้ทำการคืนชั่วโมงความคุ้มครองให้กับลูกค้าแล้วกว่า 4 ล้านนาที และเพื่อเป็นการส่งต่อสิ่งดี ๆ คืนสู่สังคม ทางบริษัทยังได้ริเริ่มโครงการ Thaivivat Caring Forward คิดเผื่อเพื่อสังคม ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของการทำประกันภัยที่สามารถช่วยเหลือสังคมได้ เพียงลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการขับรถปลอดภัย ผ่าน Application Thaivivat นอกจากผู้เอาประกันภัยจะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประวัติดีตอนต่ออายุประกันภัยแล้ว บริษัทฯ ยังมอบสิ่งดี ๆ เพิ่มให้กับผู้เอาประกันภัยที่ขับรถปลอดภัย โดยบริจาคเงินในนามผู้เอาประกันภัยกับมูลนิธิเพื่อสังคมที่ผู้เอาประกันได้ลงทะเบียนไว้ ซึ่งผู้เอาประกันจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากยอดเงินบริจาคนี้ ซึ่งจากการเปิดตัวเพียง 4 เดือน มีผู้เอาประกันภัยให้ความสนใจเป็นจำนวนมากถึง 10,000 กรมธรรม์ ทางบริษัทจึงมีการขยายระยะเวลาการลงทะเบียนถึง 31 ธันวาคม 2568 เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนผ่าน Application Thaivivat ได้มีส่วนร่วมในการทำความดีคืนสู่สังคมได้มาขึ้น

ด้านเยาวชนและการศึกษา – ทางบริษัทเชื่อว่าการพัฒนาด้านการศึกษาและการเพิ่มศักยภาพให้กับเยาวชนถือเป็นรากฐานและแนวทางขับเคลื่อนการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวของประเทศ บริษัทฯจึงได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนับสนุนโครงการ “โรงเรียนร่วมพัฒนา”หรือ Partnership School เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยพัฒนาตนเอง และเตรียมความพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยในความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากทางบริษัทให้สนับสนุนด้านทุนการศึกษาแล้ว ทางบริษัทยังได้สนับสนุนในการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้นักเรียนและครู พร้อมวางระบบดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Smart e-Learning Innovation ในโรงเรียนที่ทางกระทรวงศึกษาธิการคัดเลือกให้เข้าโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาในแต่ละจังหวัด โดยทางบริษัทได้เป็นผู้สนับสนุน 5 โรงเรียนใน 5 จังหวัด ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดพัทลุง จังหวัดสตูล จังหวัดระนอง จังหวัดยโสธร และ จังหวัดพะเยา นอกจากโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาแล้ว ทางบริษัทยังได้ส่งเสริมด้านนวัตกรรมให้กับเด็กและเยาวชน ผ่านโครงการ Thaivivat Innovation Awards โครงการประกวดนวัตกรรมประกันภัยสร้างสรรค์ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนคิดและนำเสนอไอเดียในการพัฒนาประกันภัยเพื่อจัดการความเสี่ยงในสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีองค์ประกอบของ IoT, AI, Big Data และ Lifestyle ในผลงาน ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และมีน้อง ๆ ให้ความสนใจและเข้าร่วมการแข่งขันมากกว่า 1,500 คน จากสถาบันการศึกษากว่า 100 สถาบัน ทั้งในกรุงเทพปริมณฑลและในภูมิภาค โดยโครงการที่ได้นำเสนอเข้ามาแข่งขันใน โครงการ Thaivivat Innovation Awards ถึงปัจจุบันมี กว่า 300 โครงการ

ด้านสิ่งแวดล้อม - เพราะทางบริษัททราบดีว่าความยั่งยืนนั้นไม่ใช่แค่เรื่องการประกอบธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่การดูแลโลกของเราให้คนรุ่นต่อไปก็เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องให้ความใส่ใจ บริษัทฯ จึงนำแนวคิดที่จะนำ Greenovation และ Digital Transformationมาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยริเริ่มการดำเนินงานจากภายในองค์กรผ่านโครงการ Thaivivat Greenovation เปลี่ยนโลกด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมภายในองค์กรให้กับพนักงาน เปลี่ยนของใช้มาเป็นของใช้ที่สามารถนำมารีไซเคิลต่อได้ อาทิ ของชำร่วย ยูนิฟอร์มพนักงาน รวมถึงน้ำดื่มของบริษัทและส่งเสริมการแยกขยะให้ถูกวิธีมาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเรื่องความยั่งยืนภายในองค์กรเพราะต้องการจุดประกายและส่งเสริมให้พนักงานได้ตระหนักและหันมาให้ความสำคัญจากเรื่องใกล้ตัว อีกทั้งยังมีการดำเนินงานด้าน Digital Transformation ผ่านการใช้งานบน Thaivivat Application เพื่อลดการใช้พลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้เทคโนโลยี AI ตรวจสภาพรถก่อนทำประกัน เพื่อลดการขับขี่ส่งเสริมการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, ลดการใช้กระดาษด้วยการออกกรมธรรม์แบบ e-Policy รวมถึงการเคลมประกันผ่าน e-Claim โดยไม่ต้องใช้เอกสารและลดการเดินทางของพนักงานในการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดกับทรัพย์สินที่เอาประกัน

และล่าสุดในฐานะองค์กรนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน ทางบริษัทได้จับมือกับพันธมิตรคนสำคัญ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ร่วมลงนามความร่วมมือ (MOU) ในโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ ตั้งจุดทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมขยายผลกับสถานศึกษาหรือโรงเรียนที่ใกล้เคียงเพื่อผลักดันการทิ้งและการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี พร้อมส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ให้คนไทยตระหนักถึงปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ล้นโลก จึงเดินทางร่วมเป็นหนึ่งใน Ecosystem ในการบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงสร้างกระบวนการจัดเก็บเพื่อให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero Landfill ตามมาตรฐานสากล โดยมี คุณสายชล ทรัพย์มากอุดมหัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS เป็นผู้ร่วมลงนาม

พร้อมกันนี้ ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินธุรกิจที่หลากหลายอุตสาหกรรมและมีสาขาทั่วโลก บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ITOCHU Corporation) แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมผลักดันและพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัย ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้โอกาสคนไทยได้เข้าถึงการประกันภัยได้มากขึ้นอันจะเป็นการสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนในอนาคต พร้อมกันนั้นยังเป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้มีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศให้มากขึ้น อันเป็นส่วนสำคัญในการเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บริษัท อิโตชู ประเทศไทย จำกัด (ITOCHU Thailand) คุณมิสึอากิ ทานากะ (Mr. Mitsuaki Tanaka) ร่วมเป็นเกียรติภายในงานในวันนี้

  • อ่านต่อ
  • 03 Comments
  • ADD

    คุณอักษรา ชีวรัตนพร (คุณมิน) ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแห่งซูเปอร์ทริปส์

    คุณอักษรา ชีวรัตนพร (คุณมิน) ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแห่งซูเปอร์ทริปส์ (มินไม่แน่ใจอ่านแล้วค่อนข้างชมไปไหมคะพี่ ขอบพระคุณค่ะ) คุณอักษรา ชีวรัตนพร คุณมิน Managing Director บริษัทซูเปอร์ทริปส์ จำกัด, Executive Assistant to the President บริษัทควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จำกัด ทายาทบริษัททัวร์อันดับต้นของประเทศไทย จบการศึกษาทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทที่ Durham University, UK และ University of Hong Kong ถึงแม้จะจบและทำงานในสายงานด้านกฎหมายมาก่อน แต่ด้วยไลฟ์สไตล์และความชอบหลักคือการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับธุรกิจของที่บ้าน ทำให้ระหว่างที่ศึกษาและทำงานอยู่ มินได้ออกแบบและวางแผนการเดินทางและเดินทางไปในหลากหลายเส้นทางทั่วโลก นึกถึงการท่องเที่ยวและการเดินทาง ขอให้นึกถึง บริษัท ซูเปอร์ทริปส์ นะคะ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะดูแลท่านให้ดีที่สุดในการเดินทางแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในรูปแบบใดๆเราจะตอบโจทย์ให้ลูกค้ามีความสุขในการเดินทางของท่าน ยินดีบริการค่ะ บริษัท ซูเปอร์ทริปส์ จำกัด โทร 02 511 5999 www.supertrips.co.th

    คุณธนิต ปริพัฒนานนท์ และคุณน้ำทิพย์ โพธิ์เหลือง ผู้บริหารคนเก่งแห่ง Superb Holiday

    คุณธนิต ปริพัฒนานนท์ หรือคุณออม “CEO”แห่ง Superb Holiday คุณออมได้เปิดบริษัทเป็นกรรมการร่วมกับ คุณน้ำทิพย์ โพธิ์เหลือง ซึ่งคุณน้ำทิพย์ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ผู้จัดการคุณออมและคุณทิพย์สำเร็จการศึกษาทางด้านการท่องเที่ยว ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม คุณทิพย์เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย คุณออมได้เล่าให้ “BIZ”ON HOLIDAY MAGAZINEฟังต่อว่า จบมา อายุ 22 ปี ฝึกงานบริษัททัวร์ก่อนจบตามกำหนดของมหาวิทยาลัย และได้ทำงานที่บริษัททัวร์ต่อเลย ซึ่งคุณออมกับคุณทิพย์ทำงานที่ บริษัททัวร์ที่เดียวกัน ได้ทำงานที่บริษัททัวร์มาเป็นเวลา 4 ปี จึงตัดสินใจ เปิดบริษัททัวร์ร่วมกัน ในนามบริษัท พีแอลอินเตอร์ทัวร์ จำกัด และ ทำการตลาดในนาม Superb Holidayบริษัทได้ก่อตั้งมา 7 ปีแล้ว เริ่มแรกทำสิงคโปร์ ในเวลาต่อมาเพิ่มมาเลเซีย บาหลี ลักษณะ การทำงานของ Superb Holiday จะเป็นการขายโปรแกรมทัวร์กับ Travel Agent หรือที่เรียกว่า” WHOLE SALE” โดยทางเอเย่นต์ อาจจะ Request มาเป็นกรุ๊ปเหมา กรุ๊ปจอยหน้าร้าน เป็นแพ็คเก็จ หรือขอให้ทางเราทำโปรแกรมให้ซึ่งทางเราสามารถทำได้หมด “Superb Holiday” คือสุดยอด ดีเยี่ยม วันหยุดที่ดีเยี่ยม ของท่าน เป็นความตั้งใจของเรา

    คุณจักรพันธ์ ประสิทธิ์วรนันท์ (คุณตั้ม) ผู้บริหารรุ่นใหม่แห่ง Zego Travel

    คุณจักรพันธ์ ประสิทธิ์วรนันท์ หรือคุณตั้ม กรรมการผู้จัดการ Zego Travel Co.,Ltd. จบการศึกษามัธยมปลายโรงเรียนเซ็นคาเบรียล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน(เอกโฆษณา) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประสบการณ์การทำงาน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (Flight Attendent) First Class เส้นทางยุโรปเกือบ10ปี ที่การบินไทย ในขณะที่ทำงานอยู่ที่การบินไทย เป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสได้เดินทางไปยังหลายเมืองหลายประเทศ แต่ละประเทศก็มีความสวย ความงดงาม ของแต่ละประเทศแตกต่างกันออกไป ทำให้ตัดสินใจเปิดบริษัททัวร์ Zego Travel Co.,Ltd Zego Travel คือบริษัททัวร์ที่ขายทัวร์และตั๋วเครื่องบิน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี คุณตั้มได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีกับ “BIZ” ON HOLIDAY MAGAZINE ว่า “เริ่มต้นมีพนักงาน 2-3 คน ปัจจุบันมีพนักงาน 150 คน เริ่มแรกออฟฟิศอยู่ตึก GP House ที่ซอยสวนพลู ประมาณ 2-3 ปี และได้ย้ายมาเป็นโฮมออฟฟิศ ที่นนทรีซอย 16 ประมาณ2-3ปี เช่นกัน ปัจจุบันคือที่ที่3 อยู่ช่องนนทรี 10 ยานนาวา อยู่มาประมาณ 2ปี” คุณผู้อ่านสนใจไปเที่ยวหาซื้อทัวร์ Let’s go group กับทัวร์ใกล้บ้านท่านโดยระบุไปกับ Let’s go group จะได้รับการบริการอย่างประทับใจมั่นใจได้เพราะพนักงานต้อนรับการบินไทยเป็นผู้ดูแลทุกขั้นตอน… Zego Travel Tel:02 408 8001 www.zegotravel.com

    The Villa Halal กับภายใต้การบริหารงานของผู้บริหารคนเก่งอย่างเช่น คุณวรวุฒิ(นาวาวี) วชิรวรกุลชัย

    จบการศึกษาปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันใกล้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเอกพัฒนศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร .... คุณนาวาวี ได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีกับทาง “BIZ” ON HOLIDAY MAGAZINE ในฐานะ CEO ของบริษัทฯ ว่า ตนเองได้นำองค์ความรู้ทางด้านการบริหารธุรกิจและความรู้จากการศึกษาในคณะศึกษาศาสตร์ ระดับปริญญาเอก มาประยุกต์ใช้กับการบริหารองค์กรและการจัดการขั้นตอนการผลิตอาหาร ให้มีลักษณะเป็นธุรกิจแบบร่วมสมัย โดยเฉพาะการนำ Thesis ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยด้านอาหารมุสลิม ภายใต้แนวคิดที่ว่า “อาหารมุสลิมคืออาหารฮาลาล” ถ้ามีโอกาสอยากเรียนเชิญทุกท่านให้แวะเข้ามาลองรับประทานอาหารที่ได้มาตรฐานฮาลาล ทั้งด้านการบริการและสถานที่จะได้สัมผัสความเป็น “The Villa Halal ที่จะคอยให้บริการทุกท่านทั้ง 3 สาขา และทุกท่านสามารถติชมได้ เพื่อที่จะนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนา ซึ่งทีมงานทุกคนตั้งใจอยากให้เป็นร้านอาหารฮาลาลในฝันของมุสลิมทุกคน ถ้าผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข6 สามารถแวะใช้บริการที่สาขามอเตอร์เวยส์ได้ และได้กล่าวทิ้งท้ายสำหรับผู้ที่ จะเดินทางไปทำฮัจย์ หรืออุมเราะฮ ในขณะรอขึ้นเครื่อง หรือ Transit แวะมาทานอาหารที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทางร้านมีอาหาร ไว้เตรียมบริการทุกท่าน เพื่อความพร้อมก่อนการเดินทาง …..